การศัลยกรรมจมูก เป็นการแก้ไขปัญหาโครงสร้างจมูกที่ดูแล้วไม่ได้รูปทรงที่สวยงาม ไม่มีมิติ ไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสม เมื่อวัดจากหน้าผาก ปลายจมูก และคาง หรือที่เรียกว่า “สัดส่วนทองคำ (golden ratio)” ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ต้องวัดแล้วได้สัดส่วนที่เท่ากัน การผ่าตัดศัลยกรรมจมูกนอกจากทำเพื่อความสวยงามแล้ว ก็ยังทำเพื่อแก้ไขจมูกที่ผิดรูปร่าง หรือเสียหายจากอุบัติเหตุ หรือการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง หรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ และความบกพร่องที่มีมาแต่กำเนิดได้อีกด้วย
เป็นการผ่าตัดโดยลงมีดแค่ 1 ฝั่ง จะซ้ายหรือขวาก็ได้ แล้วแต่คนไข้สะดวก แต่จะไม่มีการเปิดบริเวณแนวกลางจมูก โดยจะลงมีดแค่ความยาว 1-2เซ็นติเมตร ตามแนวโครงสร้างของจมูก จะมีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม จากนั้นก็จะมีการเลาะเปิดเข้าไปเพื่อเคลียร์ช่องจมูก เพื่อให้สามารถวางซิลิโคนได้ ซึ่งวิธีการนี้จะไม่สามารถเห็นโครงสร้างทั้งหมดของจมูก แต่จะเป็นการใช้อุปกรณ์เข้าไป บริเวณใต้เยื่อหุ้มกระดูกเพื่อเลาะเปิดแล้วเคลียร์ช่องว่างเพื่อวางแนวซิลิโคน
เป็นการผ่าตัดที่สามารถเห็นโครงสร้างได้มากกว่าแบบปิด คือจะมีการลงมีดเปิด ทั้งสองฝั่งของรูจมูก และแนวกลางจมูก เหมือนเราเปิดฝากระโปรงหน้ารถยนต์ เราก็จะเห็นโครงสร้างทั้งหมด และเห็นภายในเกือบหมด ถ้าเราเลาะเปิดโครงสร้างได้ดี เราก็จะแก้ปัญหาได้ครอบคลุมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเลาะขูดสารเหลวออก การเคลียร์เยื่อพังผืดในกรณีที่เป็นเคสแก้ การตกแต่งเนื้อปลาย การยืดผนังกั้นจมูก ก็จะใช้เทคนิคการเสริมจมูกด้วยวิธีแบบเปิดทั้งสิ้น
กระดูกอ่อนหลังหู เป็นกระดูกอ่อนที่อยู่บริเวณส่วนแอ่งของใบหู มีขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร ซึ่งแพทย์จะผ่าตัดเพื่อนำไปเย็บติดกับปลายซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูก เพื่อเพิ่มความยาวของปลายจมูก โดยไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อโครงสร้างจมูก การใช้กระดูกอ่อนของคนไข้เองมาใช้เสริม ตกแต่งปลาย มีความปลอดภัยเพราะเป็นเนื้อเยื่อของคนไข้เอง ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าแทบจะไม่มีโอกาสที่ร่างกายจะแพ้ หรือต่อต้านเลย เมื่อระยะเวลาผ่านไปร่างกายก็จะทำการสมานจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน แม้แต่ผิวที่บางมาก หรือเคยทะลุมาก่อนแล้ว สามารถตกแต่งปลายจมูกตามที่ต้องการได้โดยไม่เสี่ยงทะลุ ให้ผลลัพธ์ดีกว่าเสริมด้วยซิลิโคนเดี่ยวๆ
การเสริมด้วยกระดูกหลังหู มีอาการแดงบริเวณปลายจมูกในช่วงหลังทำ 2-4 อาทิตย์ ถือว่าเป็นอาการปกติ สาเหตุของอาการปลายแดงเกิดจากการรองเนื้อเยื่อ จะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงที่บริเวณกระดูกอ่อนหลังหู หลังจากนั้นอาการปลายแดงก็จะดีขึ้นและค่อย ๆ หายไปเอง
คือ วัสดุที่สังเคราะห์ขึ้น มีลักษณะเป็นแผ่นนิ่ม ๆ คล้ายฟองน้ำ สามารถนำมาใช้เสริมเพื่อรองปลายเพื่อลดความเสี่ยงในการทะลุ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้จมูกจากปัญหาผิวหนังบาง ใกล้ทะลุ หรือคนที่เสริมใหม่เเละต้องการให้มีปลายที่ยาวขึ้น เนื้อเยื่อเทียมยังคงโครงสร้างของผิวหนังไว้ได้ ทำให้มีการสร้างเส้นเลือดใหม่ การเติบโตของเส้นประสาท และการสร้างคอลลาเจน
การใช้เทคนิคเนื้อเยื่อเทียมสามารถใช้แทนการเสริมด้วยกระดูกหลังหูได้ รวมไปถึงไม่ต้องผ่าตัดเพื่อนำเอากระดูกหลังหูออกมาใช้รองที่ปลายจมูก ทำให้ไม่ต้องเจ็บตัวเพิ่มอีกด้วย
คือ การเย็บกระดูกอ่อนบริเวณปลายจมูกเข้าหากัน เพื่อให้จมูกดูเป็นสันเรียวเล็กสวยงาม ปลายจมูกยกขึ้น เทคนิคนี้เหมาะสำหรับคนไทยเนื่องจากจมูกคนไทยส่วนใหญ่แล้วจะมีลักษณะชมพู่ หรือปลายจมูกใหญ่ โดยคำว่า Interdome มาจากคำว่า Inter = ระหว่าง + dome = กระดูก ซึ่งก็ให้ความหมายที่ตรงตัวอยู่แล้ว
การเย็บอินเตอร์โดมเหมาะกับใคร
ขั้นตอนการเย็บอินเตอร์โดม
ข้อดีของการเย็บอินเตอร์โดม
ข้อเสียการเย็บอินเตอร์โดม
คือ เทคนิคการบีบหรือทุบกระดูกแกนจมูกให้แคบลง โดยอาศัยการทำให้กระดูกเคลื่อนจากฐานก่อนแล้วจึงบีบให้แคบเข้ามา หรือตอกตัดฐานจมูกที่โด่งนูนเกินไป ซึ่งจะช่วยให้โครงสร้างจมูกโดยรวมดูเรียวเล็กลง หรือเป็นสโลปได้ทรงสวยมากขึ้น เช่น
โดยคุณหมอจะทำการเปิดแผลขนาดเล็กเพียง 2 มม. ตรงข้างสันจมูก แล้วสอดเครื่องมืออันเล็กจิ๋วไปตอกฐานจมูกให้เกิดแนวร้าว ตามด้วยการบีบฐานจมูกให้แคบลงตามต้องการ ซึ่งแกนจมูกจะบีบให้แคบได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับรูปทรงและความหนาของกระดูกแต่ละคนด้วย
ฮัมพ์ คือ กระดูกบริเวณสันจมูกที่นูนออกมา อาจมีมากมีน้อยแตกต่างกันไป ซึ่งบางคนชอบ บางคนไม่ชอบ เพราะอาจทาให้ใบหน้าดูดุ ดูไม่หวาน แต่ในการเสริมจมูกแล้ว การตะไบฮัมพ์ ค่อนข้างมีความสำคัญ เนื่องจากการตะไบฮัมพ์เป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีก่อนการวางซิลิโคนนั่นเอง เมื่อแพทย์ทำการตะไบฮัมพ์ จะรู้สึกเหมือนมีอะไรขูดจมูกเราอยู่ แต่จะไม่รู้สึกเจ็บ
ตะไบฮัมพ์ ดีผลดีอย่างไร ป้องกันการเคลื่อนที่ของซิลิโคน และโอกาสการเบี้ยวเอียง เพราะเมื่อสันจมูกเราเรียบ จะสามารถวางซิลิโคนได้แนบชิดจมูกมากยิ่งขึ้น
ปัญหาเรื่องปีกจมูกบานสามารถแก้ไข เพื่อให้จมูกได้รูปทรงที่สวยงาม มีมิติ และปีกจมูกที่ดูเรียวเล็ก เมื่อวัดจากหัวตาทั้ง 2 ด้าน ลากเส้นดิ่งตรงมายังบริเวณเนื้อด้านข้างจมูกแล้วพบว่า เนื้อด้านข้างจมูกเลยออกมาจากเส้นที่ลากจากหัวตาออกไปมาก
หลังทำจมูกอาจมีอาการข้างเคียง เช่น ใต้ตาบวม เขียวช้ำ มีเลือดออก บ้วนปากแล้วมีเลือดลงคอ อึดอัดจมูก ตึงบริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งควรดูแลตัวเองย่างเคร่งครัดเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม และคุ้มค่ากับที่เจ็บตัวไป หมอมีคำแนะนำ ดังนี้
มียาชา ซึ่งคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ แต่จะรู้สึกขณะฉีดยาชา แต่หลังจากนั้นต้องกลับไปพักฟื้นอาจมีอาการช้ำ ระบม เป็นเรื่องปกติ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
จะใช้เวลาในการพักฟื้น 5-7 วัน รวมไปถึงนัดติดตามผลและตัดไหม รวม ๆ แล้วอาจจะใช้เวลาพักฟื้นให้รอยช้ำต่าง ๆ จางหายไป ประมาณ 7-14 วัน ทั้งนี้อาจใช้เวลาพักฟื้นนานมากขึ้นตามสภาพร่างกายของแต่ละเคส
ซึ่งใน 1 สัปดาห์จะยุบบวมประมาณ 60% , 1 เดือนจะเข้าที่ประมาณ 70 % , 3 เดือนเข้าที่ประมาณ 90% , 6 เดือน – 1 ปีเข้าที่เกือบ 100 % ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและในการแก้จมูกควรแก้เมื่อทำครบ 6 เดือนขึ้นไป
หลังฉีดฟิลเลอร์จมูก สามารถเสริมจมูกได้ แต่แพทย์จะต้องทำการขูดฟิลเลอร์เดิมออกก่อน เพื่อให้ซิลิโคนที่จะใส่เข้าไปมีการยึดเกาะที่ดียิ่งขึ้น