หลายคนมีคำถามที่เหมือนกันว่า “ออกกำลังกายแทบทุกวัน แต่ทำไมยังอ้วนอยู่?” หรือบางคนออกกำลังกายหนักมาก วิ่งเป็นชั่วโมง ยกเวทอย่างจริงจัง แต่พอน้ำหนักขึ้นตาชั่ง กลับไม่ลดลงตามที่คาดหวัง
ในรายการ “จะแล้ว YOUNG” คุณหมออะตอมได้อธิบายถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ “ออกกำลังกายแล้วไม่ผอม” และสิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามไป
 
 
ทำไมออกกำลังกายแล้วไม่ผอม?
- พลังงานที่เผาผลาญ vs พลังงานที่รับเข้า- การออกกำลังกายช่วยเผาผลาญแคลอรี แต่หากกินมากกว่าที่เผาผลาญไป น้ำหนักก็ยังขึ้นได้
 
- หลายคนเผลอ “กินชดเชย” หลังออกกำลังกาย เช่น ดื่มชานม กินบุฟเฟต์ → สุดท้ายแคลอรีเกิน
 
 
- ประเภทของการออกกำลังกาย- การทำ คาร์ดิโอ อย่างเดียว เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน เผาผลาญได้เร็ว แต่ไม่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อมาก
 
- หากไม่มีการ เวทเทรนนิ่ง ร่างกายจะไม่เพิ่มกล้ามเนื้อ → ระบบเผาผลาญ (Metabolism) ไม่เพิ่ม น้ำหนักจึงลงยาก
 
 
- ฮอร์โมนและอายุที่เปลี่ยนไป- เมื่ออายุมากขึ้น ฮอร์โมนเพศและ Growth Hormone ลดลง → เผาผลาญช้าลง
 
- ความเครียดและการนอนน้อย ส่งผลให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลสูง → กระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมัน
 
 
- พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน- แม้ออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง แต่ถ้าอีก 23 ชั่วโมง “นั่งทั้งวัน” ก็ยังถือว่าไม่ Active
 
- การเดิน การลุกขยับตัวระหว่างวัน มีผลต่อการเผาผลาญเช่นกัน (NEAT – Non-Exercise Activity Thermogenesis)
 
 
แล้วจะทำยังไงให้น้ำหนักลดลงจริง?
- โภชนาการสำคัญที่สุด- ควบคุมพลังงานที่รับเข้า
 
- เลือกอาหารที่มีโปรตีนสูง ไฟเบอร์เยอะ ลดของหวานและน้ำตาลแฝง
 
 
- ผสมผสานการออกกำลังกาย- ทำทั้งคาร์ดิโอ + เวทเทรนนิ่ง เพื่อเผาผลาญและเพิ่มกล้ามเนื้อไปพร้อมกัน
 
 
- จัดการไลฟ์สไตล์- นอนหลับให้เพียงพอ
 
- ลดความเครียด
 
- เพิ่มการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างวัน
 
 
- ตรวจสุขภาพถ้ามีข้อสงสัย- บางคนออกกำลังกายแต่ไม่ผอม อาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนผิดปกติ หรือภูมิแพ้อาหารแฝงที่รบกวนระบบเผาผลาญ →
- ควรตรวจเช็กเพื่อหาสาเหตุจริง
 
การลดน้ำหนักไม่ได้ขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูภาพรวมทั้ง โภชนาการ ฮอร์โมน การนอน และการใช้ชีวิตประจำวัน หากจัดการได้ครบ น้ำหนักจะค่อย ๆ ลดลง และสุขภาพดีขึ้นอย่างยั่งยืน
จองคิวปรึกษาวันนี้ พร้อมดูแลสุขภาพอย่างเต็มรูปแบบ!